ส่องฟอร์ม “สิงห์บลู” ที่กาตาร์
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021/22 ก็กำลังจะเดินทางมาถึงนัดที่ 38 กันแล้ว โดยทีมของเราก็จะมีโปรแกรมเตะ เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศกับทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลในวันที่ 14 พฤษภาคม ก่อนจะกลับไปเตะเกมลีกอีก 2 นัดโดยเป็นการเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่หมดสิทธิ์ลุ้นตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปแล้ว ก่อนจะปิดฤดูกาลด้วยการเปิดบ้านต้อนรับ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ตที่ตกชั้นไปเล่นฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพในฤดูกาลหน้าแล้วเรียบร้อย ซึ่งถ้าเราสามารถเอาชนะเลสเตอร์ได้ก็จะการันตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้าทันที
ฤดูกาลหน้านับว่าเป็นฤดูกาลที่น่าสนใจทีเดียว เพราะนอกจากทีมของเราจะดำเนินการภายใต้เจ้าของคนใหม่อย่าง Todd Boehly แล้ว ก็ยังจะมีการเตะฟุตบอลโลกระหว่างฤดูกาลเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก แน่นอนครับว่าแฟน ๆ สิงห์บลูอย่างเรา นอกจากจะดูทีมชาติที่เชียร์แล้ว ดูบอลโลกทั้งทีก็ต้องติดตามผลงานของนักเตะทีมตัวเองกันด้วย วันนี้เรามาดูกันครับว่า หากจะติดตามผลงานของนักเตะเชลซีในฟุตบอลโลก เราจะต้องดูคู่ไหน วันไหน กี่โมงบ้าง ไปดูกันครับ
รายชื่อนักเตะเชลซีที่ทีมชาติได้ไปเล่นฟุตบอลโลก (ข้อมูลวันที่ 13 พฤษภาคม)
- Edouard Mendy (เซเนกัล)
- Ben Chilwell (อังกฤษ)
- Conor Gallagher (อังกฤษ)
- Reece James (อังกฤษ)
- Mason Mount (อังกฤษ)
- N’Golo Kante (ฝรั่งเศส)
- Kai Havertz (เยอรมนี)
- Antonio Rudiger (เยอรมนี)
- Timo Werner (เยอรมนี)
- Baba Rahman (กาน่า)
- Cesar Azpilicueta (สเปน)
- Christian Pulisic (สหรัฐอเมริกา)
- Michiy Batshuayi (เบลเยียม)
- Romelu Lukaku (เบลเยียม)
- Thiago Silva (บราซิล)
- Mateo Kovacic (โครเอเชีย)
- Andreas Christensen (เดนมาร์ก)
ส่วน Billy Gilmour (สกอตแลนด์) กับ Ethan Ampadu (เวลส์) ก็มีโอกาสไปเล่นนะครับถ้าทีมชาติชนะเพลย์ออฟ เสียดายตรงที่ว่าทั้งสองคนต้องมาเจอกันเองในรอบเพลย์ออฟ เท่ากับว่าเราอาจจะมีโอกาสได้เห็นนักเตะเชลซีถึง 18 คนเลยนะครับในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ มากกว่าที่แมนฯ ซิตี้ส่งไปแข่งฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย 2 คนครับ
ตารางแข่งฟุตบอลโลกสำหรับนักเตะเชลซี
รอบแบ่งกลุ่ม
21 พฤศจิกายน 2565
17.00 เซเนกัล เจอ เนเธอร์แลนด์
20.00 อังกฤษ เจอ อิหร่าน
22 พฤศจิกายน 2565
02.00 สหรัฐอเมริกา เจอ (เวลส์ หรือ ยูเครน หรือ สกอตแลนด์)*
23 พฤศจิกายน 2565
02.00 ฝรั่งเศส เจอ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ออสเตรเลีย หรือ เปรู)
17.00 โมร็อกโก* เจอ โครเอเชีย
20.00 เยอรมนี เจอ ญี่ปุ่น
23.00 สเปน เจอ (คอสตาริกา หรือ นิวซีแลนด์)
24 พฤศจิกายน 2565
02.00 เบลเยียม เจอ แคนาดา
23.00 โปรตุเกส เจอ กาน่า
25 พฤศจิกายน 2565
02.00 บราซิล เจอ เซอร์เบีย
17.00 (เวลส์ หรือ ยูเครน หรือ สกอตแลนด์) เจอ อิหร่าน
20.00 กาตาร์ เจอ เซเนกัล
26 พฤศจิกายน 2565
02.00 อังกฤษ เจอ สหรัฐอเมริกา**
23.00 ฝรั่งเศส เจอ เดนมาร์ก
27 พฤศจิกายน 2565
20.00 เบลเยียม เจอ โมร็อกโก
23.00 โครเอเชีย เจอ แคนาดา
28 พฤศจิกายน 2565
02.00 สเปน เจอ เยอรมนี**
20.00 เกาหลีใต้ เจอ กาน่า
23.00 บราซิล เจอ สวิตเซอร์แลนด์
29 พฤศจิกายน 2565
22.00 เอกวาดอร์ เจอ เซเนกัล
30 พฤศจิกายน 2565
02.00 (เวลส์ หรือ ยูเครน หรือ สกอตแลนด์) เจอ อังกฤษ**
02.00 อิหร่าน เจอ สหรัฐอเมริกา
22.00 ตูนิเซีย เจอ ฝรั่งเศส
1 ธันวาคม 2565
22.00 โครเอเชีย เจอ เบลเยียม**
2 ธันวาคม 2565
02.00 ญี่ปุ่น เจอ สเปน
02.00 (คอสตาริกา หรือ นิวซีแลนด์) เจอ เยอรมนี
22.00 กาน่า เจอ อุรุกวัย
3 ธันวาคม 2565
02.00 แคเมอรูน เจอ บราซิล
(* Ziyech เลิกเล่นทีมชาติแล้วนะครับเพราะมีปัญหาส่วนตัวกับทางทีมงาน)
(** คู่เหล่านี้คือคู่ที่นักเตะของเรามีโอกาสจะลงเจอกันเองครับ)
รอบน็อกเอาท์จะเริ่มเตะตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไปครับ โดยรอบ 16 ทีมจะเตะในช่วงวันที่ 3 ถึง 7 ธันวาคม รอบ 8 ทีมจะเตะวันที่ 9 ถึง 11 รอบรองชนะเลิศวันที่ 14 และ 15 โดยผู้แพ้จะเตะหาที่ 3 ในวันที่ 17 ก่อนที่เราจะได้พบแชมป์โลกหน้าใหม่ (หรืออาจจะหน้าเก่า) ในวันที่ 18 ธันวาคม สี่ทุ่มตรงครับผม